Home » 3 เทคโนโลยีเครื่องจักรเพื่ออนาคตสีเขียวในอุตสาหกรรมไทย
1.3 เทคโนโลยีเครื่องจักรเพื่ออนาคตสีเขียวในอุตสาหกรรมไทย

3 เทคโนโลยีเครื่องจักรเพื่ออนาคตสีเขียวในอุตสาหกรรมไทย

29 views

10 สิงหาคม 2567

ภาคอุตสาหกรรมถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมีมูลค่ารวมที่สร้างรายได้มากกว่า 4 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของ GDP ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นแหล่งปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 59.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือคิดเป็น 24% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของไทย

ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อม

การเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องดำเนินการ หากไม่รีบปรับตัว อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risk) ซึ่งอาจเกิดจากกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นของประเทศคู่ค้า ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีที่อาจขาดโอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยีที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ

2.3 เทคโนโลยีเครื่องจักรเพื่ออนาคตสีเขียวในอุตสาหกรรมไทย

เทคโนโลยีที่จะช่วยภาคอุตสาหกรรมไทยเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตสีเขียว

  1. เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพและการนำความร้อนกลับมาใช้ (Heat Optimization and Recovery) เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานความร้อนในกระบวนการผลิต โดยสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 30-50% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 20-50% Krungthai COMPASS ประเมินว่าโรงงานอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้จะต้องใช้เงินลงทุนราว 8 ล้านบาทต่อโรงงาน และมีระยะเวลาคืนทุนราว 5-6 ปี
  2. เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต (Process Equipment Optimization) เทคโนโลยีนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต ช่วยลดระยะเวลาการหยุดชะงักและลดต้นทุนการบำรุงรักษา Krungthai COMPASS ประเมินว่าโรงงานที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 10-30% และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ประมาณ 40%
  3. เทคโนโลยีปั้มและวาล์วอัจฉริยะ (Smart Pump and Valves) เทคโนโลยีนี้ใช้ในการควบคุมการส่งถ่ายของไหลในกระบวนการผลิต โดยสามารถปรับอัตราการไหลและพารามิเตอร์การทำงานให้เหมาะสม ช่วยลดการสูญเสียในระบบและลดการใช้พลังงานได้ 10-20% นอกจากนี้ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 10-30% ซึ่ง Krungthai COMPASS ประเมินว่าโรงงานที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้จะต้องลงทุนราว 1.8 ล้านบาทต่อโรงงาน และมีระยะเวลาคืนทุนราว 3-4 ปี

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรม

  1. ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม : ควรเตรียมความพร้อมสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ เพื่อยกระดับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero GHG Emissions
  2. ผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ : ผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การประยุกต์ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ควบคู่กับเทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพการผลิต เพื่อลดส่วนสูญเสียจากการผลิต ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า รวมถึงการพัฒนาวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องจักรซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  3. ภาครัฐ : ควรเป็นแกนหลักในการผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว โดยการกำหนดนโยบายและมาตรการที่ชัดเจน รวมถึงสนับสนุนเงินทุนสำหรับการลงทุนในเครื่องจักรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  4. ภาคการเงิน : ภาคการเงินทั้งหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์จะเป็นอีกหนึ่ง Key enabler สำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตสีเขียวให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ช่วยส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

แหล่งที่มา : https://www.thansettakij.com/climatecenter/sustainability/603905

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลที่มีประโยชน์ด้านการทำงานในอุตสาหกรรม สามารถหาข้อมูลได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย